Better LifeTravel

4 แนวคิด และแอพที่พลใช้ฝ่าทะลวงการจราจรแห่งกรุงเทพ

ปัจจุบันไม่ว่าจะช่วงเวลา หรือวันไหนๆ การเจอรถติดในกรุงเทพก็เหมือนจะเป็นสิ่งที่พบเจอได้เสมอ

แน่นอนว่าการแกร่วอยู่บนถนนนานๆ นั้น ไม่ค่อยมีใครอยากจะทำกันหรอก แต่มันเหมือนสถานการณ์ต้องจำยอมทุกครั้งไป

พลเองก็เป็นหนึ่งในคนที่ไม่อยากใช้เวลาบนท้องถนนนานๆ หรอก พลจึงทดลองใช้เทคโนโลยีอย่างพวกแอพ และบริการต่างๆ มาช่วยให้พบเจอปัญหารถติดระหว่างการเดินทางให้น้อยที่สุด

โดยเฉพาะบ้านพลที่อยู่รอบนอกตัวเมือง และต้องเข้าเมือง หรือเดินทางผ่านกรุงเทพมาพบเจอเพื่อน หรือมาเป็นวิทยากรให้ลูกค้าบ่อยๆ

และหลังจากใช้มาได้ 2-3 ปี ก็ขอเขียนแชร์ไว้ที่นี่แล้วกันเนอะ

1. รถจะติดในเวลาเร่งด่วนได้ง่ายกว่าเมื่อก่อน มากกกก

“เสาร์อาทิตย์ รถจะน้อยกว่าวันธรรมดา” หรือ “ออกก่อนชั่วโมงเร่งด่วนสิ รถน้อย”  มักจะเป็นคำที่เตือนกันก่อนเดินทางในสมัยที่พลยังวัยรุ่น และใช้ได้ดีด้วยนะ

แต่ด้วยจำนวนรถที่เยอะกว่าพื้นที่บนท้องถนนในปัจจุบัน ทำให้การเจอรถเยอะๆ เป็นเรื่องที่ง่ายกว่าเมื่อก่อนมาก

แต่พลพบความจริงหนึ่งที่ว่า รถมันเยอะกว่าเมื่อก่อนแค่นั้นเอง!

ดังนั้นการที่รถเยอะมากกว่าเมื่อก่อนมากๆ นั้น ทำให้ความอ่อนไหวต่อการเกิดเหตุการณ์รถติดนั้น สามารถเกิดได้ง่ายขึ้น เพราะโดยปกติสภาพรถติดคือ การที่รถจำนวนมากอยู่ในพื้นที่หนึ่งๆ เป็นเวลานาน และเริ่มสะสมเพิ่มมากขึ้น

ดังนั้น การหลีกเลี่ยงช่วงเวลาเร่งด่วน จึงเป็นส่ิงที่สำคัญอันดับหนึ่ง หลีกเลี่ยงช่วงเวลานี้ได้ ก็สบายใจได้เยอะ

ที่เหลือ ขึ้นอยู่กับเราจะประยุกต์ใช้เทคโนโลยีล่ะครับ

2. เช็คการจราจรกับ จส.100 ผ่านแอพ Twitter

ตอนเดินทางเมื่อก่อน พลรู้สึกขอบคุณ จส.100 และสมาชิกมากๆ คือพวกคุณเหมือนฮีโร่ท่ามกลางความอลหม่านแห่งกรุงเทพเลย

ปกติเราสามารถคอยฟังอัพเดตได้จากวิทยุ แต่ตอนนี้จส. 100 ก็อยู่บนโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คชื่อ ทวิตเตอร์ (Twitter) ในนาม @js100radio เช่นกัน

ลิ้งค์ดาวน์โหลดแอพทั้ง iOS และ Android อยู่ท้ายเรื่องน้า

ซึ่งนอกจากสภาพการจราจรแล้ว ก็มีสภาพพื้นที่ฝนที่ช่วยพลไว้หลายๆ ครั้งด้วย

พลก็อัพเดตสถานการณ์ โดยแท็ก จส.100 บ่อยๆ และพวกเราก็ช่วยอัพเดตสถานการณ์จราจรแบบนี้ ผ่านแอพทวิตเตอร์ได้เช่นกัน

กดติดตามพล และพูดคุยกันพลางๆ ได้ที่ Twitter ของพลได้น้า

3. เช็คเส้นแดงผ่าน Google Map

ปัจจุบันชีวิตการเดินทางในเมืองกรุงเทพของพลฝากไว้กับ Google Map ค่อนข้างมาก เพราะนอกจากค้นหาตำแหน่งที่พัก หรือบริษัทของลูกค้าแล้ว ความหนาแน่นของการจราจรก็สามารถดูได้ผ่านแอพเช่นกัน

ข้อดีของ Google Maps คือ

  1. แสดงเส้นทางที่ (มันคิดว่า) รวดเร็วที่สุด
  2. แสดงจุดที่การจราจรหนาแน่น เผื่อเราจะได้เปลี่ยนเส้นทาง หรือบอกพี่แท๊กซี่ให้ขับอ้อมไป
  3. มันค่อนข้างแม่นยำ

เช่น จากตัวอย่างการเดินทางจากสวนจตุจักรไปเซ็นทรัลเวิร์ล ก็จะเห็น 2 เส้นทางให้เลือก รวมถึงช่วงสีแดงพร้อมเวลาที่อาจต้องใช้เพิ่ม

ใช้พิจารณาก่อนเร่ิมเดินทางดีมากครับ เช่นถ้าเส้นแดง มันกลายเป็น “เส้นเลือด” (สีแดงเข้ม หรือที่เรียกว่าแดงดำ) พลจะพิจารณาขนส่งมวลชน พวกรถไฟฟ้า หรือรถใต้ดินทันที

4. แอพเรียกรถ Grab, Uber

Grab กับ Uber นับว่าเป็นเทคโนโลยีที่มาเปลี่ยนรูปแบบการเรียกรถเดิมๆ ของประเทศไทยไปเยอะ

ไม่นับปัญหาที่เรียกแล้วไม่ไปนะ แต่มันสามารถเรียกพี่ๆ โชเฟอร์ให้เข้ามารับเราในจุดที่ต้องการได้ แต่ก็ต้องเผื่อเวลาด้วยนะ บางครั้งแถวนั้นไม่มีรถ หรือพี่ๆ แถวนั้นไม่ไปส่งเราจริงๆ อาจจะต้องเรียกซ้ำหน่อย

เคล็ดลับที่อยากแชร์ก็คือ

  1. พอเลือกสถานที่แล้ว ลองซูมดูว่าหมุดที่ปัก มันตรงที่ๆ เราต้องการจริงไหม เพราะแอพในเครื่องพี่คนขับก็จะบอกให้ไปตรงจุดนั้นแหละ หลายๆ ครั้งพี่คนขับเขาหลง เพราะแอพไปปักตำแหน่งจุดอื่นกัน
  2. ใส่ข้อความบอกพี่คนขับด้วยว่า วิธีเข้ามารับ เข้ามายังไง ถามพี่คนขับว่าเขียนบอกแบบนี้ชอบไหม ร้อยทั้งร้อย ชอบมาก
  3. ถ้าไม่ยกเลิกการเรียกบ่อยๆ จะทำให้เราเรียกรถได้ง่ายขึ้น นอกจากคะแนนฝั่งพี่คนขับ เขามีคะแนนฝั่งคนเรียกด้วย

ปล. พลเคยใช้แต่ Grab นะ เพราะ Uber ใช้แรกๆ แล้วคนขับพาไปเท เพราะบอกว่าไม่รู้ทาง เลยไม่ชอบเท่าไหร่

แต่เพื่อนหลายๆ คนก็ชอบใช้ Uber บอกว่าตอนนี้ดีแล้ว เพื่อนพี่น้องมีประสบการณ์ยังไง เม้นคุยกันด้านล่างได้น้า

สรุป

นี่เป็นวิธีที่พลใช้จริงๆ ในปัจจุบัน และใช้มาได้สัก 2 ปีแล้วล่ะ พวกเราใครมีวิธีแจ่มๆ ในการเอาชีวิตรอดจากรถติดกรุงเทพ เม้นคุยกันด้านล่างได้นะ อันไหนดีๆ เดี๋ยวจะเอาไปแปะไว้ในแฟนเพจของพล ให้คนอื่นๆ เขาดูกัน

และนี่คือลิ้งค์ดาวน์โหลดแอพต่างๆ ที่พูดถึงในเรื่องวันนี้

  • ดาวน์โหลดแอพ Twitter สำหรับ iOS และ Android
  • ดาวน์โหลดแอพ Google Map สำหรับ iOS (Android ให้มาอยู่แล้ว)
  • ดาวน์โหลดแอพ Grab สำหรับ iOS และ Android
  • ดาวน์โหลดแอพ Uber สำหรับ iOS และ Android

 

 

Loading Facebook Comments ...