Uncategorized @th

3 สิ่งที่คุณต้องรู้ ก่อนไปดู BFG ให้สนุก และเต็มไปด้วยรอยยิ้ม (ไม่สปอยล์)

หนังเรื่อง BFG หรือ “ยักษ์ใหญ่ หัวใจหล่อ” น่าจะเป็นหนึ่งในหนังเป้าหมายของหลายๆ คนช่วงนี้ เพราะชื่อผู้กำกับอย่าง สตีเว่น สปิลเบิร์ก ที่แปะโลโก้ ดิสนี่ย์ อย่างชัดเจน น่าจะเพิ่มความคาดหวังได้สูงลิบ

แต่ที่พลจะมาเล่าในวันนี้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้พวกเราที่ยังไม่ได้ดู สามารถตัดสินใจ และไปดูเรื่อง BFG ได้อย่างมีความสุขครับ 

เรามาเริ่มจาก…

เสียงรีวิวที่แตกแยก

ปัจจุบันมีเพจรีวิวหนังเกิดขึ้นมากมาย รวมถึงกระทู้ในพันธุ์ทิพย์ให้เลือกเสพย์ ซึ่งถ้าเราขยันหน่อย จะพบว่าเสียงแตกอย่างชัดเจนครับ

 

เช่น จากฝ่ายที่ผิดหวัง

ไม่ถึง 10 นาทีลุกออกจากโรง, หนังเด็กมาก, ลูกฉันดูแล้วไม่เก็ท, ….

และจากฝ่ายที่เชียร์

อบอุ่นมากค่ะ, ตลกและเต็มไปด้วยรอยยิ้ม, หนังที่ผู้ปกครองควรพาเด็กไปดู

ซึ่งไม่ใช่เฉพาะของเมืองไทยเท่านั้น แต่จากเว็บต่างประเทศ ทั้ง IMDB และ Rotten Tomatoes ก็แตกกันอย่างชัดเจน

มันทำให้พลรู้สึกเหมือนกันว่า “จะไปดูดีไหมเนี้ยยยย”

แต่ด้วยความเป็นแฟนตัวยงของลุงสตีเว่น มาตั้งแต่เรื่อง  E.T (แก่โคตร) ทำให้เรามีความศรัทธาในตัวลุงแกมากๆ จนได้ลากแฟน กับน้องเบิร์ธไปดูจนได้

และพลก็มาถึงบางอ้อครับ

ที่คนออกมาบ่นอุบ มันเกิดจากการคาดหวังผิดๆ นั่นเอง

เลยคิดว่า ในฐานะที่เป็นแฟนของลุงสตีเว่น ก็ไม่อยากให้คนที่ “หวัง” ในชื่อแก ผิดหวังกับหนังเรื่องนี้ เพราะลุงแกยังคงลายเซ็นได้หนักแน่นเหมือนเดิม เรียกว่าหนังคุณภาพไหม คุณภาพระดับแกอย่างไม่น่าผิดหวัง

แต่จะดูให้สนุก และไม่ผิดหวัง มาลองดูคำแนะนำของผมกันครับ

1. อย่าให้ชื่อของ Disney และ Steven Speilberg มาสร้างควาดคาดหวังที่สูงเกินไป

maxresdefault.jpg
ภาพจาก YouTube ของ Disney

ผมสังเกตว่าหลายๆ คนที่บ่นหลังจากดูเรื่อง BFG จะบ่นถึงลุงสตีเว่นแกเป็นหลัก ซึ่งไม่น่าแปลกใจ เพราะแกสร้างความคาดหวังไว้สูงจากเรื่อง Jurassic Park หรือ King Kong (ร่วมกับปีเตอร์ แจ๊คสัน) ยิ่งคาดหวังกันว่าจะอลังการจ๊าบ ตื่นเต้น วินาศสันตะโรยิ่งใหญ่

รวมไปถึงดิสนี่ย์ ที่หลังๆ มาสร้างผลงานในสายตาเด็กๆ อย่างล้นหลาม Finding Nemo, Frozen, Brave, Tangled ซึ่งผมคาดว่าผู้ปกครองที่จะพาเด็กมาดู ก็หวังว่าหนังจะออกมาแนวๆ นั้น แฟนตาซี และมุขที่ฮาได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่

ในหนังจะมีจุดเด่นของทั้ง 2 เจ้าด้านบนแน่นอนครับ ใครที่เป็นแฟนลุงสตีเว่น จะสัมผัสถึงการใส่รายละเอียด ในด้านอารมณ์อย่างแน่นอน รวมถึงมุขที่มีพอตัว แต่สอดแทรกได้อย่างเป็นธรรมชาติ

แต่มันจะไม่พีค กราฟตีขึ้นสุดแน่นอน เพราะอะไร มาดูส่วนที่ 2 กัน

2. เรื่องนี้สร้างจากหนังสือนิทานเด็ก

images.jpg
ภาพจาก Google Book

เคยเดินเข้าไปในร้านหนังสือ อารมณ์แบบ รออีกคนเลือกหนังสือไหมครับ?

ผมก็เช่นกัน และหลายๆ ครั้งผมจะเดินสำรวจทุกส่วนของร้านหนังสือ รวมถึงกลุ่มนิทานเด็กด้วย

ผมถึงบางอ้อ ที่ว่าลุงสตีเว่น และดิสนี่ย์ ทั้ง 2 ฝ่ายที่หยิบหนังสือนิทานนี้มาสรรสร้างเป็นภาพยนตร์ ไม่อยากที่จะบิดเบือนเนื้อเรื่อง เพราะมันเป็นวรรณกรรมชิ้นเอกชิ้นหนึ่ง ที่ลุงแกตั้งใจถ่ายทอดตามเนื้อเรื่องเดิมเป้ะๆ

ดังนั้นหลายๆ คนที่ดูบางฉาก (แล้วคาดหวังความสมจริงจากลุง) จับผิดไปต่างๆ นาๆ ได้ หรือบางตอนมันก็เหมือนจะกระชับไปหน่อย

เป็นเพราะเป็นที่เราคาดหวังว่า ลุงสตีเว่น แกแต่งเนื้อเรื่องนี้ แต่แกไม่ได้แต่งครับ

แต่ถ้าเรามองอีกมุมว่า ถ้าให้ลุงสตีเว่นแกสร้างหนังจาก หนังสือนิทานเด็ก รายละเอียด รวมถึงสเปเชี่ยลเอฟเฟคในเรื่องนี้มันไม่ธรรมดาเลยล่ะครับ

เพียงแต่ลุงแกเก่งมากที่จัดวางให้พอดี ไม่ทำให้เป็นหยังแฟนตาซีจ๋าแบบดิสนี่ย์เกินไป และไม่เป็นหนังหม่นหมองเกินไป แต่แทรกความอบอุ่นที่เหมือนอ้อมกอดที่กอดให้เรารู้สึกดีขึ้นเรื่อยๆ

แล้วเราจะดูเรื่องนี้อย่างมีความสุข และอมยิ้มได้อย่างไร?

3. ให้มองว่าคุณเจอหนังสือนิทานอยู่บนโต๊ะ และคุณเริ่มเปิดอ่านมัน

bfgtree
ภาพจาก Vox.com

อย่างที่ว่า เรื่องนี้เหมือนหนังสือนิทานเด็ก ที่ขึ้นจอเงิน และกำกับโดยพ่อมดฮอลลีวู้ด อย่างลุงสตีเว่น สปิลเบิร์ก ที่ลุงแกไม่อยากไปแต่งเติมเนื้อเรื่องเดิม

ให้เรามองเหมือนเป็นหนังสือนิทานเรื่องดีๆ สักเล่ม ที่คุณมองข้ามชื่อผู้แต่งไปซะ สำนักพิมพ์ก็ให้ทำตาเบลอๆ แล้วเริ่มเปิดอ่านดีกว่า

ทิ้งตัวเองให้ซึมซับ สิ่งที่หนังสือนิทานเล่มนี้ค่อยๆ มอบให้ เปิดกว้างรับเนื้อหาใหม่ๆ ที่นิทานเรื่องนี้เตรียมไว้ เข้าไปสำรวจโลกของโซฟี กับยักษ์ปริศนาผู้ลักพาตัวเธอดีกว่า

คุณจะพบว่านี้เป็นนิทานอีกเรื่องที่สวยงาม อบอุ่น ดูได้สบายๆ แต่ไม่ถึงกับพีคสุดๆ ตามสไตล์หนังเด็กของลุงแกเลยล่ะ

  • ช่วงคำคมที่ทำให้ขนลุกก็มี ตามลายเซ็นของลุงสตีเว่นแกเหมือนเดิม
  • คนแสดงเป็นยักษ์ แสดงดีมาก สีหน้า อารมณ์ อบอุ่น และใจดี

ด้านล่างเป็นถามตอบสำคัญ ที่หลายๆ คนอยากรู้

– ควรดูพากย์ไทยไหม?

ส่วนตัวว่า ไม่ควร เพราะยักษ์ในเรื่องพูดไม่ชัด คาดว่าทำให้คนพากษ์ลำบากพอควร ที่จะบิ้วล์อารมณ์หนังให้เท่ากับต้นฉบับ (ผมชอบดูเสียงในฟิล์ม ไม่ได้ดูพากษ์ไทย แต่จากหลายๆ เสียงบอกไม่ดี ไม่อิน)

– เนื้อเรื่องราบเรียบไม่ตื่นเต้นจริงหรือ?

จากที่เราทราบแล้วว่าเนื้อเรื่องยึดจากหนังสือนิทานต้นฉบับ การปูพื้นช่วงแรก จะละเอียดละออ เรื่อยๆ พอควร ซึ่งเวทย์มนต์พ่อมดฮอลลีวู้ดก็มิอาจบิดส่วนนี้ได้

แต่อย่างที่บอก ทำตัวเราให้ว่าง และเปิดรับรายละเอียดที่ตัวนิทาน และลุงสตีเว่นแกบรรจง ป้อนให้เราดีกว่า

ช่วงหลังๆ เครื่องติดแล้ว ก็สนุกได้แน่นอนครับ

– ควรดู 3D ไหม?

ผมไม่ได้ดู 3D (จริงๆ ตั้งใจไว้) แต่ถ้าใครชอบฉากต้นไม้แห่งความฝันในเทรลเลอร์ น่าจะทำให้คุ้มค่าแน่นอนครับ

หวังว่าจะทำให้ตัดสินใจ ไปดูยักษ์ใหญ่ หัวใจหล่อ และซึมซับเรื่องราวได้อย่างเต็มอิ่ม และเต็มไปด้วยรอยยิ้มนะครับ

 

 

Loading Facebook Comments ...